ผลิตแบบพอเพียงยังมีประสิทธิภาพ
การผลิต
เป็นกระบวนการหนึ่งในบรรดากิจกรรมเพื่อการดำรงชีพของมนุษย์ที่จะต้องดำเนินไปให้สอดคล้องธรรมชาติ
มนุษย์จะต้องทำงาน จะต้องมีอาชีพ
และจะต้องมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติเพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ
เพื่อจะได้ไม่ต้องอยู่อย่างฝืนธรรมชาติและเกิดเป็นความทุกข์
การพิจารณาเรื่องการผลิตนี้ มิใช่เป็นเพียงการเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์
แต่เป็นการพิจารณาธรรมชาติทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ ในทางเศรษฐศาสตร์
การผลิต หมายถึง การสร้างสรรค์สิ่งหนึ่งสิ่งใดออกมาหรือทำให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้น
ซึ่งเป็นคำนิยามที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงแห่งธรรมชาติ แท้ที่จริงแล้ว การผลิต
หมายถึง การแปรสภาพสิ่งหนึ่งให้เป็นอีกสิ่งหนึ่ง
จากวัตถุอย่างหนึ่งไปเป็นวัตถุอีกอย่างหนึ่ง
จากแรงงานอย่างหนึ่งไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง สิ่งที่ถูกแปรสภาพคือ ปัจจัยการผลิต
เมื่อผ่านกระบวนการแปรสภาพแล้วเรียกว่า ผลผลิต ซึ่งเป็นได้ทั้ง สินค้าและบริการ การแปรสภาพนี้เป็นการทำให้เกิดสภาพใหม่โดยทำลายสภาพเก่า
ดังนั้น ในกระบวนการผลิตมักจะมีการทำลายอยู่ด้วยเสมอ
ผู้ที่เป็นเจ้าของกระบวนการผลิตจึงต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพการผลิต
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการ ทรัพยากรที่ใช้ในการผลิต
และผลผลิตที่ได้จากกระบวนการผลิตคำว่า “ประสิทธิภาพ” (Efficiency) เป็นการวัดในเชิงปริมาณโดยเทียบระหว่างผลผลิตและทรัพยากรที่ใช้ในการผลิต
ในเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก ประสิทธิภาพการผลิต
เน้นที่การผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงที่สุดเมื่อเทียบกับทรัพยากรที่ใช้ในการผลิต
โดยละเลยการให้ความสำคัญอย่างจริงจังว่าจะใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดหรือไม่
และของเสียที่เกิดขึ้นน้อยที่สุดหรือไม่ เพราะมีข้อสมมติฐานว่า
ถ้าผลผลิตต่อทรัพยากรสูงสุด ก็มีความหมายอยู่ในตัวแล้วว่าเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
โดยมิได้กังวลถึงของเสียที่จะเกิดตามมา ผลก็คือ
อาจจะมิได้ใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นจริงๆ กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า
ประสิทธิภาพการผลิตในเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก
คือการบริหารจัดการกระบวนการผลิตโดยเน้นที่ตัวตั้งของสมการประสิทธิภาพ อันได้แก่
ผลผลิต นั่นเองขณะที่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมีข้อพิจารณาว่า
ประสิทธิภาพการผลิตควรเกิดจากความสามารถในการสร้างผลผลิตเมื่อเทียบกับทรัพยากรที่ใช้ในการผลิต
โดยคำนึงถึงการใช้ปัจจัยการผลิตที่น้อยที่สุด
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการเบียดเบียนกันให้น้อยที่สุด
และหากในกระบวนการผลิตมีการใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นจริงๆ
แล้วก็มีความหมายในตัวว่าอัตราส่วนของผลผลิตต่อทรัพยากรสูงสุดด้วย
กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า ประสิทธิภาพการผลิตในเศรษฐกิจพอเพียง
คือการบริหารจัดการกระบวนการผลิตที่เน้นความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากร
หรือตัวหารในสมการของประสิทธิภาพนั่นเอง
การจัดการประสิทธิภาพการผลิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
ในเรื่องทรัพยากรที่ใช้ในการผลิตนี้
สามารถนำมาใช้เป็นข้อพึงปฏิบัติในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดี
เนื่องจากในเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก
การใช้ทรัพยากรธรรมชาติโดยมิได้คำนึงว่าทรัพยากรและพลังงานเหล่านี้มีอยู่อย่างจำกัด
ก่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรและพลังงานเกินขีดความสามารถที่จะนำทรัพยากรเหล่านั้นมาหมุนเวียนใช้ใหม่ได้
พร้อมๆ กันกับสร้างมลภาวะและความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ
ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งปัญหาของโลกปัจจุบันในหลายเรื่อง เช่น ภาวะโลกร้อน
ภูมิอากาศแปรปรวนไม่เป็นไปตามฤดูกาลนอกจากการวัดในเชิงปริมาณที่ได้เป็นประสิทธิภาพการผลิตแล้ว
ยังมีการวัดในเชิงคุณภาพในลักษณะที่อาจจะเรียกได้เป็น “ประสิทธิผล” (Effectiveness) การผลิตอีกกรณีหนึ่ง
โดยเทียบระหว่างผลผลิตและของเสียจากกระบวนการผลิต
ประสิทธิผลเป็นการวัดที่แสดงถึงคุณภาพการผลิตว่า ผลผลิตที่ได้จากกระบวนการผลิตนั้น
ได้ผลตรงกับที่ต้องการเพียงใด ในเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก ประสิทธิผลการผลิต
เน้นที่การผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ตรงกับที่ต้องการให้มากที่สุด
โดยละเลยการให้ความสำคัญอย่างจริงจังว่าจะมีของเสียเกิดขึ้นน้อยที่สุดหรือไม่
กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า ประสิทธิผลการผลิตในเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก
คือการบริหารจัดการกระบวนการผลิตโดยเน้นที่ตัวตั้งของสมการประสิทธิผล อันได้แก่
ผลผลิต เช่นเดียวกับประสิทธิภาพการผลิตขณะที่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมีข้อพิจารณาว่า
คำว่า “ผลผลิต” หมายถึงเฉพาะผลผลิตที่ใช้การได้
คือ ผลิตออกมาแล้วสามารถนำไปบริโภคได้หรือจำหน่ายได้ ส่วนผลผลิตที่ออกมาจากกระบวนการผลิต
แม้จะไม่ใช่ของเสียจากการผลิต แต่เมื่อไม่สามารถใช้งานได้หรือจำหน่ายได้
ถูกทิ้งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปเองตามธรรมชาติโดยไม่มีประโยชน์ใดๆ
ก็ถือว่าเป็นของเสียจากการผลิตเช่นกัน ทั้งนี้
การผลิตคือการแปรสภาพให้เปลี่ยนไปจากเดิม ปัจจัยเหล่านั้นถูกเปลี่ยนไปแล้ว
ไม่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ ก็เท่ากับว่า ปัจจัยเหล่านั้นถูกทำลายให้กลายเป็นของเสีย
ประสิทธิผลการผลิตจึงเกิดจากความสามารถในการสร้างผลผลิตที่ใช้การได้เมื่อเทียบกับของเสียจากการผลิต
โดยเน้นให้เกิดของเสียจากกระบวนการผลิตให้น้อยที่สุด ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการเบียดเบียนกันให้น้อยที่สุด
และหากในกระบวนการผลิตมีของเสียเกิดขึ้นน้อยที่สุดแล้วก็มีความหมายในตัวว่าอัตราส่วนของผลผลิตต่อของเสียสูงสุดด้วย
กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า ประสิทธิผลการผลิตในเศรษฐกิจพอเพียง
คือการบริหารจัดการกระบวนการผลิตที่เน้นให้เกิดของเสียจากกระบวนการผลิตให้น้อยที่สุด
หรือตัวหารในสมการของประสิทธิผลนั่นเองการจัดการประสิทธิผลการผลิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
ในเรื่องของเสียที่เป็นผลผลิตเหลือทิ้งนี้
สามารถนำมาใช้เป็นหลักในการบริหารสินค้าคงคลังได้ดี
เนื่องจากในเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก การผลิตคราวละมากๆ โดยหวังผลของการประหยัดจากขนาด
(Economy of Scale) ในอุตสาหกรรมต่างๆ
นำมาซึ่งปัญหาของการจัดเก็บรักษา การขนส่ง และการจำหน่ายสู่ตลาด เช่น
การเก็บรักษาผลผลิตที่ไม่ได้คุณภาพ หรือเก็บรักษาไว้นานจนหมดสภาพ
หรือแปรสภาพเป็นพิษต่อร่างกายและธรรมชาติ เมื่อนำมาบริโภคแล้วเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ทำให้เสียสุขภาวะของมนุษย์ ทำให้เสียคุณภาพของระบบนิเวศ
เกิดการเบียดเบียนทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น การผลิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
จึงเน้นที่ความพอดีต่อการบริโภคและการจำหน่าย
ไม่ผลิตมากเกินไปจนกลายเป็นผลผลิตเหลือทิ้ง หรือทำให้เกิดของเสียจากกระบวนการผลิตเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นความพอประมาณในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
จึงมิได้หมายความว่า
ให้มีประสิทธิภาพหรือประสิทธิผลในกระบวนการผลิตที่อยู่ในระดับพอประมาณ
ที่อาจนำไปสู่ข้อสรุปผิดๆ ว่า
ธุรกิจหรือหน่วยการผลิตอื่นใดที่มีประสิทธิภาพหรือประสิทธิผลสูง จำต้องลดศักยภาพหรือออมความสามารถในการผลิตให้อยู่ในระดับพอประมาณ
ตรงกันข้าม ความพอประมาณในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ยังคงมุ่งหมายให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
แต่ต้องทำให้เกิดการเบียดเบียนกันให้น้อยที่สุด
ด้วยการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการตัวหารในสมการของประสิทธิภาพและประสิทธิผลนั่นเอง
อ้างอิง http://faq.sufficiencyeconomy.com/2007/01/blog-post_23.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น